ประวัติหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ผมได้ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต
(www.watkositaram.com) ซึ่งก็ต้องขออนุญาตเผยแพร่ ณ ที่นี้
และท่านผู้อ่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมที่เว็บดังกล่าวได้
เมื่อท่านอายุครบบวช บิดามารดาท่านจึงได้ จัดการอุปสมบทให้
แต่นายกวยได้พูดกับบิดามารดาว่า
ถ้าจะบวชให้ตนก็ขอให้บวชกันที่วัดไม่ให้จัดพิธีใหญ่โต
ไม่ต้องมีการแห่ แหน ให้เปลืองเงินเปลืองทอง
โดยท่านให้เหตุผลของครูบาอาจารย์คือหลวงปู่ขวดและอาจารย์ดำว่า
"พระเทศน์ก็ต้องรู้จักเวลา ผู้ศรัทธาก็ต้องรู้จักกำลัง "
บิดามารดาจึงได้พานายกวยไปหาอุปัชฌาย์ คือ พระชัยนาทมุนี
จัดการโกนหัวบวชให้ มีหลวงพ่อปา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอาจารย์หริ่งเป็นอนุสาวนาจารย์ บวชเมื่อวันที่ ๕
เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๗ เวลา ๑๕ นาฬิกา ๑๗ นาที อายุ ๒๐ ปี ณ
วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท มีฉายาว่า ชุตินฺธโร
แปลว่า "โลกนี้มีแต่ความวุ่นวายของโลก หนักไปด้วยกิเลส
ตัณหาคือ โลภ โกรธ หลง ทั่งสิ้น ถ้าท่านผู้ใดตัดกิเลส
ตัณหาได้ก็จะถึงซึ่งฝั่งพระนิพพาน" เมื่อบรรพชาอุปสม
บทแล้วก็กลับมาจำพรรษาอยู่วัดบ้านแค
ตอนนั่นหลวงปู่มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ พระกวย ชุตินฺธโร
จึงหัดเทศน์เวสสันดรชาดก กันกุมาร, ทานกัณฑ์
ในแถบนั้นสมัยนั้นไม่มีใครสู้ท่านได้เลย
ท่านเทศน์แหล่หญิงหม้ายกล่าวถึงพระนางมัทรี และเทศน์แหล่ชาย
หม้ายกล่าวถึงพระดวสสันดรต้องไปอยู่ป่าหิมพานต์ ถ้าไม่มีพระนางมัทรีตามเสด็จไปด้วย
ก็จะเป็นชายหม้าย ส่านพระนางมัทรี ก็จะเป็นหญิงหม้าย
ท่านเทศน์แหล่ถึงการเป็นหญิงหม้ายชายหม้าย มีแต่คนนินทาว่าร้าย
คงจะไม่ดีสามีถึงได้ทิ้ง คนแต่งตัวคน เขา
ก็ว่าคงอยากจะมีผัวจนตัวสั่น ครั้นไม่แต่งตัว
คนเขาก็ว่ารูปร่างขี้ริ้วขี้เหร่ สามีถึงได้ทิ้ง
ส่วนชายหม้ายนั้นก็น่าสงสาร มีแต่คน
เขาว่าคงจะไม่ดีเมียถึงได้ทิ้ง
คงจะเป็นคนเกเรเป็นนักเลงสุราหรือนักเลงการพนัน จะอยู่จะกิน
ก็อด ๆ อยาก ๆ ลูกเต้าหรือก็ ขะมุกขะมอม บ้านก็ผุก็พัง
เพราะขาดกำลังใจ ท่านแหล่ขนาดหญิงหม้าย ชายหม้าย
ไม่อาจนั่งฟังบนศาลา ต้องหลบไปแอบฟัง ที่ ใต้ต้นไม้
บางคนนั่งน้ำตาไหลเป็นบาง บางคนร้องไห้โฮ ชื่องเสียงของท่านในการเทศน์ทานกัณฑ์นั้นโด่งดังมาก
แต่กัณฑ์อื่น ๆ
หลวงพ่อก็เทศน์ไม่ดีนัก
เพราะการเทศน์เวสสันดรชาดกนั้นพระนักเทศน์ต้องตลกคะนอง
แต่หลวงพ่อไม่ชอบตลกคะนอง ปัจจุบัน
ใบในการเทศน์ของท่านยังอยู่ที่วัด หลวงพ่อเขียนไว้ว่า
พระกวยสร้างถวาย แล้วตอกตรารูปสิงห์ชูคอเอาไว้
อยู่ต่อมาหลวงพ่อได้หยุดเทศน์โดยหลบหรือแอบไปเรียนวิชาแพทย์โบราณกับหมอเขียน
หมอเขียนคนนี้สามารถรักษาโรคระบาด หรือโรคห่าได้
ตอนนั้นคนเป็นโรคระบาดที่บ้านโคกช้าง ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
หมออื่น ๆ ก็ตาย เหลือหมอเขียนคนเดียว สามารถรักษาโรคห่า,
โรคไข้ทรพิษได้
|