ประวัติหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ผมได้ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต
(www.watkositaram.com) ซึ่งก็ต้องขออนุญาตเผยแพร่ ณ ที่นี้
และท่านผู้อ่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมที่เว็บดังกล่าวได้
ผู้วิเศษเมืองสรรค์
คุณวิเศษในตัวของหลวงพ่อนั้น
ลูกศิษย์ยกย่องว่าหลวงพ่อคือผู้วิเศษเมืองสรรรค์อย่างแท้จริง
เมืองสรรคบุรี คืออำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท
เกจิอาจารย์ของเมืองนี้ที่จำได้ รุ่นปู่มี ๑ องค์คือ
หลวงพ่อเฒ่า (ปั้น) วัดค้างคาว ส่วนรุ่นพ่อมี ๓-๔ องค์ คือ
หลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ หลวงพ่อปลื้ม วัดสังฆาราม
หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง และหลวงพ่อโม วัดจันทาราม ส่วนรุ่นสุด
ท้ายหรือรุ่นลูกมี ๓ องค์ คือ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ และองค์สุดท้ายคือหลวงพ่อพิมพ์
วัดสนามชัย
หลังจากหลวงพ่อพิมพ์มรณภาพไปแล้วก็ยังไม่ปรากฏว่ามีเกจิอาจารย์ท่านใดที่คนเมืองสรรค์ยอมรับอย่างเต็มปาก
ในจำนวนเกจิอาจารย์ที่กล่าวมามีเพียง ๒
ท่านที่มีดวงจิตมหัศจรรย์จนศิษย์ยอมรับและตั้งฉายาให้ว่า
เป็นผู้วิเศษ ไม่ว่าจะบนบาน บอกเล่าอย่างไร ใกล้ไกลแค่ไหน
ถ้ารู้ถ้าช่วยได้ท่านจะช่วยทันที ท่านผู้นั้นคือหลวงพ่อเฒ่า
วัดค้างคาว และหลวงพ่อกวย วัดโฆษิต ราม
สำหรับหลวงพ่อเฒ่านั้นรู้จักในวงแคบเฉพาะอำเภอสรรคบุรีเพราะเป็นพระรุ่นปู่และไม่ได้สร้างวัตถุมงคลอะไรไว้มากมาย
โดยเฉพาะเหรียญ
เพิ่งมาสร้างสมัยหลวงพ่อกวยและหลวงพ่อกวยก็ปลุกเสกให้
วัตถุมงคลที่สร้างสมัยก่อนนั้นก็มี ผ้าแดง ผ้าอาฬารวยักษ์
(ผ้ายันต์ค่ายกล) และผ้าขอด ปัจจุบันก็ชำรุดเกือบหมดแล้ว
ส่วนหลวงพ่อกวยนั้น ได้ดำเนินรอยตามอาจารย์ปู่คือหลวงพ่อ เฒ่า
วัดค้างคาว แต่ชีวิตเป็นของน้อย วันเวลาของท่าน
ท่านได้ทุ่มเทเวลาสร้างเครื่องรางของขลังให้ศิษย์
ท่านมีปฏิปทาสันโดษ
ชอบเก็บตัวเร้นลับเพื่อที่จะได้ใช้เวลาอันน้อยนิดนี้ได้สร้างวัตถุมงคลที่เป็นของจริงให้ศิษย์
แม้หนังสือพระเครื่องจะมาขอนำพระ ประวัติของท่านไปลงตีพิมพ์
ท่านก็ปฏิเสธ
ท่านเกรงว่าคนจะมารบกวนท่านมากไปจนไม่มีเวลาของวิเศษให้ศิษย์ได้คุ้มครองตน
ก่อนจะกล่าวถึงอภินิหาริย์ในดวงจิตของท่าน จนท่านได้รับฉายานี้
จะขอกล่าวคุณวิเศษในตัวท่านที่ท่านเรียนวิชามา จะขอเรียง
ลำดับเป็นข้อ ๆ เท่าที่จำได้ดังนี้
๑. ท่านมีมันสมองมาก ศีรษะแบบศีรษะช้าง ตรงกลางเป็นลอน
แล้วโหนกหน้าโหนกหลัง ท่านสามารถท่องจดจำคาถาโองการ ต่าง ๆ
ที่ยาวได้ ขณะเป็นเด็กวัดเรียนแค่ประถม ๒
ท่านสามารถจดจำวันเวลาที่ผ่านมาได้ แม้จะนานแสนนาน
คล้ายสมองของท่าน รีวายแบบเทปได ้สามารถบอกเวลาเกิด, เวลาบวช
เวลาไปที่ใด สามารถบอกได้บอกออกมาเป็นวัน เดือน ปี เวลาเท่าไร
กี่นาฬิกา นาที
๒. มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ รู้อดีตได้
ใครจะมาเรื่องอะไรท่านรู้ล่วงหน้าได้ ท่านจะไปสวดมนต์
ไปช้าไปเร็วท่าน รู้ หวยจะออกอะไรท่านรู้ ใครมาหาท่าน ท่านรู้
แม้ท่านล้มเจ็บจะมรณภาพท่านก็รู้
๓. ยิงกระสุนทางคดได้ หายตัวได้
๔. เป่าแหวนเข้านิ้วผู้อื่นได้แม้นั่งอยู่ไกล
๕. ทำให้ถ่ายรูปไม่ติดได้
๖. ทำให้คนที่มาหาจำท่านก็ได้ จำท่านไม่ได้ก็ได้
๗. เสกสะเก็ดไม้ให้ปืนยิงไม่ออกก็ได้
๘. ขอดผ้าให้ปืนยิงไม่ออกก็ได้
๙. เรียกมดลงรูได้
๑๐. เสกข้าวให้ไก่กิน ใครกินไก่, กินไข่ไก่ เป็นขี้กลากก็ได้
๑๑. เอาเชือกผูกหินแล้วลองตีศิษย์ ศิษย์ไม่เจ็บก็ทำได้
๑๒. คนกำลังยิงปืนบอกให้ยิงไม่ออกก็ได้
๑๓. เอามือบีบหัวแม่มือตัวเองทำให้คนปวดหัวหายปวดหัวได้
๑๔. เอามีดถากไม้ ทำให้คนกระดูกหักหายได้
๑๕. ภรรยาปวดท้อง จะคลอดลูก ทำให้ไปปวดที่สามีได้
๑๖. ใครมาตามให้พ่นป่วง ให้คนที่มาตามกินน้ำมนต์
คนที่เป็นป่วงอยู่ทางบ้านหายได้
๑๗. เสกคนเป็นจระเข้ได้
๑๘. สามารถแปลงร่างเป็นเสือได้
๑๙. สามารถเสกก้านกล้วยเป็นงูเขียว
๒๐. สามารถเสกผ้ารัดเอวเป็นงูเห่าได้ ๒๑. สามารถเสกใบแจงเป็นตัวต่อได้
๒๒. สามารถตัดกระดาษแดงใส่ธูปเป็นปลากัด กัดกันได้
๒๓. สามารถหยิบถ่านแดง ๆ ในเตาได้
๒๔. สามารถหยิบของในที่ไกลได้
๒๕. ท่านเป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ บางครั้งเป็นทันตาเห็นเลย
๒๖. ปลุกเสกวัตถุมงคลลอยน้ำได้ เสกให้ลอยในอากาศก็ได้
๒๗. พูดกับต่อให้ไปต่อยคนได้ พูดกับเต่าให้ไปตามคนได้
๒๘. ส่งพระให้ศิษย์ทางเมล์อากาศโดยไม่สอดซองติดแสตมป์ได้
๒๙. ศิษย์โดนทำร้ายอยู่ใกล้ไกลแค่ไหนสามารถรู้ได้
ยังมีคุณวิเศษของหลวงพ่อนี้มีหลักฐานผู้ที่ได้วิชาไปดังนี้ นายเฉือน
ปั้นสน คนหนองแขม สามารถขอดชายผ้า ยิงไม่ออก, หมอ เฉลียว เดชมา
ได้วิชาตีไม่เจ็บ, เสือผ่าน อ้นฉ่ำ, หมอแจ๋
ได้วิชาบังไพรหายตัวได้, หลวงตาจิ๊ด สามารถเสกหินลอยน้ำได้,
นายยุทธ ยิ้มจู เรียกมดลงรูได้, นายแดง สว่างศรี
ได้คาถาหัวใจแมลงป่อง สามารถจับแมลงป่องได้ไม่ต่อย, นายชัย
คนทางวัดค้างคาว ได้ คาถาหัวใจนาคราช สามารถจับงูได้งูไม่กัด
อาจารย์เหวียน มณีนัย คนท่าทอง สามารถผ่าไม้รวกได้ด้วยมือ,
อาจารย์ตี๋ สำนักสงฆ์ เขาเขียว นั่งบนน้ำได้,
อาจารย์เม่าบีบถ้วยแบบถ้วยสังคโลก
ให้ปากถ้วยรวมเข้ามาหากันได้, ใช้มีดบังฟันก็ทำได้
สรุปคุณวิเศษของหลวงพ่อ
๑ เป็นผู้มีลาภ หลวงพ่อเป็นพระที่อุดมลาภ
ท่านได้ปฏิบัติตนเหมือนพระเวสสันดร, ปฏิบัติตนเหมือน
พระสีวลีเถระ, เหมือน พระสังกัจจายน์ ชอบทำทานเป็นที่สุด
และยังได้ติดต่อกับพระสิวลีได้ แม้ที่กระถางธูปท่าน
ท่านก็ทำธงพระสิวลีบูชาอยู่ ท่านสวด คาถาบูชาทุกวัน
ทำให้ท่านเป็นพระที่อุดมลาภ มีคนมาขอหวยท่าน
ถ้าท่านเห็นว่าพอมีโชคลาภท่านจะเขียนให้ตรง ๆ เลย กับคน
ใกล้ชิดกับท่านถ้าไปไหนด้วยกันถามท่านว่าเลขไหนดี
ท่านจะบอกออกไปเลย แม้ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ
ท่านยังเขียนเลขไว้ในฝ่า มือ ถ้าใครมีโชคมีลาภมาเยี่ยมท่าน
ท่านจะแบมือให้ดู แม้มรณภาพไปแล้ว ใครบูขารูปท่านอยู่
ขอโชคขอลาภจากท่าน ท่านให้ได้ จะให้เลย
มีคนถูกหวยเพราะบูชารูปท่าน มีเป็นร้อยคน
บางคนได้ส่งเงินมาทำบุญมูลนิธิ ตก ๑ หมื่นบาท
เพราะถูกหวยจากการขอ พรท่าน มีคนถูกหวยกันมาก ชนิดไม่เคยมีปรากฎมาก่อน
ผมเคยไปวัด มีคนมาแก้บนชื่อเรณู บ้านอยู่ทางวัดค้างคาว
ถูกหวยติดต่อ กัน ๑๘ งวด เกี่ยวกับหารที่ท่านเป็นผู้อุดมลาภนี้
เมื่อมีคนบูชารูปท่านจะปรากฏว่ามีความสุข ความเจริญ ซื้อง่าย
ขายคล่อง สมกับ คำพรของท่านที่เคยให้แก่ศิษย์ไว้คือ
"ขอให้อย่าอด อย่าอยาก อย่ายาก อย่าจน อย่าต่ำกว่าคน
อย่าจนกว่าเขา"
๒. เป็นผู้คงแก่เรียน หลวงพ่อเป็นพระที่ชอบศึกษาค้นคว้า
เรียนมามากไม่ว่าตำรายา, ตำรายันต์, คาถาอาคม เรียนมาแทบทุก
แทบทุกยันต์ ปัจจุบันตำรายาของท่านที่ท่านเรียนเอาไว้
จดใส่สมุดเล่มหนา ๆ เอาไว้ตก เกือบ ๑ ร้อยเล่ม ตำรายันต์ต่าง ๆ
มีเก็บไว้ เป็นตู้ จดเองกับมือ คาถายาว ๆ ท่องได้หมด
เครื่องรางทำได้เกือบทุกชนิด ทำได้ขลังด้วย ไม่ว่าผลัดแหวนแขน,
ตะกรุด, เชือก คาดเอว, ผ้ายันต์, กุมารทอง, รัก-ยมฯ
วัตถุมงคลรุ่นแรก ๆ ท่านทำเองกับมือด้วย เช่นพระหินแกะ,
กระเบื้องแกะ, กุมารทองกระ ดูกผีแกะ ท่นยังเคยทำ ตัว พ.พาน
ที่ทำจากก้านธูปพันด้วยสายสิญจน์ มอบให้ศิษย์ใกล้ชิด
คือหมอเฉลียว เดชมา, กับนายที ทำให้ ไว้คนละตัว
เมื่อหมอเฉลียวถามท่านว่าหลวงพ่อทำเป็น น่าจะทำออกแจกมาก ๆ
หลวงพ่อตอบว่า "เอาไว้ให้หลวงตาเย็น เอาไว้ สร้างโบสถ์มั่ง
ไปทำซะหมดทุกอย่างได้อย่างไร" หลวงพ่อยังสามารถทำเตื่องรางของขลังได้อัศจรรย์
คือสามารถเตือนภัยได้ สิ่งนั้นคือ แหวนแขน
สามารถเตือนภัยรัดแขนได้ ไม่ปรากฏมีมาก่อน สรุปได้คือ
หลวงพ่อเป็นพระที่ชอบศึกษาทางอาคมมาก ไม่ว่า วิชาตำรายา,
ตำรายันต์, อาคม ที่ปรากฏชื่อของครูบาอาจารย์เข้าของยันต์
เจ้าของอาคม ที่มีอยู่เป็นหลักฐานยืนยันได้และเป็นที่รู้ จัก
คือ หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อแบน
วัดเดิมบาง, หลวงอิ่ม วัดหัวเขา, หลวงพ่อพวง วัดหนองกระโดน,
หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ฯ เฉพาะที่เป็นยันต์ต่าง ๆ กันภัย
กันปืน, ค้าขาย, เมตตา, กันกระทำ, หายตัว, กัน ยมฑูต,
กันเพลี้ย, กันหนอน, ยันต์ ปลุกให้ตื่น ฯ
เฉพาะที่เป็นยันต์ต่าง ๆ ที่หลวงพ่อเรียนมา
มีหลายร้อยยันต์ท่านได้เขียนผ้ายันยัน ต์ เอาไว้ยันต์ละ ๑-๒
ผืน ได้ผ้ายันต์ถึงหลายร้อยผืน แม้แต่อาคมแปลก ๆ
ท่านก็เรียนเอาไว้ ที่เด่นที่สุด คือ คนปวดหัว ปวดท้องถ้า
ไปบอกท่าน ท่านจะเอามือบีบนิ้วโป้งท่าน
ปรากฏว่าคนปวดหัวปวดท้องหาย คนจะออกลูก จะให้สามีปวดแทน
ท่านก็ทำได้ นับว่า หาได้ยาก แม้วิชาชั้นสูงสุด เช่น
ผูกหุ่นพยนต์เป็นสัตว์ต่าง ๆ เสกก้านกล้วยเป็นงูเขียว,
วิชาเสือสมิง, วิชาแปลงร่างเป็น จระเข้หลวงพ่อก็ทำได้
ุ ๓. เป็นผู้มีดวงจิตมหัศจรรย์
หลวงพ่อเป็นพระที่มีเมตตาต่อศิษย์ต่อคนทั่วไป
เมื่อหลวงพ่อฝึกจิต จนได้หูทิพย์, ตาทิพย์ เมื่อ
ทราบว่าศิษย์หรือผู้เคารพนับถือ ตกทุกข์ได้ยาก เดือดร้อน
ขอโชคขอลาภ เมื่อท่านทราบถ้าช่วยได้จะช่วยทันที
ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่อง ใหญ่ เรื่องไกลเรื่องใกล้
หรือเรื่องไม่เป็นเรื่อง ถ้าช่วยได้จะช่วยเลยไม่ลังเล
ถ้าเป็นเรื่องดี เรื่องค้าเรื่องขายยิ่งชอบช่วย จิตของท่าน
กว้างไกลมาก
แม้อยู่ต่างประเทศก็ช่วยได้เคยมีศิษย์ของท่านไปรบที่ลาว
ถูกล้อมอยู่ ท่านเคยถอดจิต เดินนำหน้าศิษย์ฝ่าวงล้อมออก ไปได้
เพียงแค่ร้องขอให้ท่านช่วย บางคนตัดรูปท่านในหนังสือเอาไปบูขา
รูปไม่ได้ปลุกเสก ขอพรต่อท่าน ซื้อหวยถูกได้ บางคน
ได้ขอพรต่อรูปท่านในหนังสือยังถูกหวยได้ บางคนก็ไปสมัครงาน
เขารับวุฒิ ปวส. แต่ศิษย์ท่นจบวุฒิ ปวช. คือวุฒิต่ำกว่า ได้บอก
เล่าท่านปรากฏว่าเขารับ ซึ่งแปลกมากทั้ง ๆที่วุฒิ ปวส.
ก็มีตัวให้เลือก เรื่องจิตของท่านที่เมตตาศิษย์และคนทั่วไปนี้
เมื่อท่าน สร้างวัตถุมงคล ท่านจึงไม่มีข้อห้าม ไม่ว่าคน ๆ
นั้นจะดีหรือบ้า จะประกอบอาชีพอะไร ก็บูชาของท่านได้
ไม่ว่าจะเป็นนัก ร้อง, ดารา, ผู้หญิงบาร์, หมอนวด หรือโสเภณี
ใช้ได้หมด ผู้ชายจะเป็นเสือเป็นโจร หรือเป็นพวกรถไฟ, เรือเมล์,
ลิเก, ตำรวจ, ก็ใช้ ได้
เพราะจะทำให้ผู้นั้นได้ประพฤติปฏิบัติเป็นคนดีขึ้นในเวลาต่อมา
สรุปคือ หลวงพ่อเป็นผู้มีลาภ, มีวิชาดี, มีเครื่องรางดี,
มีจิตดี
การสร้างและการปลุกเสกวัตถุมงคลหลวงพ่อกวย
หลวงพ่อเป็นพระที่ชอบทำวัตถุมงคลเอง เช่นทำพระเนื้อดินเอง
ทำพระเนื้อผงเอง มีความตั้งใจทำสูงมาก แม่พิมพ์พระสมเด็จ
เป็นแม่พิมพ์ที่ใช้มือบีบเอง ทำทีละ ๑ องค์
ส่วนแม่พิมพ์พระเนื้อดินใช้แม่พิมพ์ดิน
โดยมากใช้วิธีถอดพิมพ์จากของเก่า เคยมีศิษย์ ได้พระกรุ
องค์ต้นแบบที่ใช้ถอดพิมพ์ เช่น พิมพ์สรรค์ ส่วนแม่พิมพ์ชนิดดิน
เมื่อพิมพ์ ไม่ชัดเจน ท่านจะเก็บรวม ๆ ไว้กับพระชนิด
ชัดเจนถ้าเป็นแม่พิมพ์พระสมเด็จท่านจะโยนลงสระน้ำ
แม่พิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ ๙ ใบ ด้านหน้าท่านตัดใจทิ้งไม่ได้
ได้ให้อาจารย์ ตั้วเก็บรักษาไว้ ปัจจุบันอาจารย์ตั้ว
ก็ทำพระออกจำหน่ายพิมพ์ปรกโพธิ์ ๙ ใบ แต่เปลี่ยนยันต์ข้างหลัง
คือแกะพิมพ์ใหม่ ส่วนแม่ พิมพ์เนื้อดินที่ไม่สวย มีหลายพิมพ์
หมอเฉลียว เดชมา เก็บรักษาไว้ ตะกรุด ท่านจะจารเองทุกดอก
ม้วนเองทุกดอก ทำสายเอง บางดอกท่านจะถักหุ้มเอง ส่วนมีดยุคแรก
ท่านตีเองกับพ่อแก่อุ้ยกับลูกเขย คือลุงคลี่ ยิ้มจันทร์
คนบ้านคู ยุคต่อมาเป็นช่างพยุหะ คือ พ่อแก่อุ้ยตาย
มีดนี้ท่านใส่ด้ามเองทุกเล่ม แหวนแขน ท่านทำเอง ลงรักเอง
ทำเองทุกวง ปลัดยุคแรก เป็นชนิดไม้ ท่านเหลาเอง จารเอง
ยุคต่อมา เป็นตะกั่วนม ผสมเงิน ท่านสั่งทำบ้าง หล่อเองบ้าง
จารบ้างๆไม่จารบ้าง วัตถุมงคล เช่น เหรียญรุ่น ๑,๒ รูปหล่อ
บูชารุ่น ๑,๒ รูปหล่อเล็กรุ่น ๑,๒ ท่านดำเนินการเองทุกอย่าง
ติดต่อช่างสั่งทำออกแบบ ยกเว้นเหรียญรุ่น ๓ ท่านให้ศิษย์ออกแบบ
คือศิษย์เขาชอบโล่ฝรั่ง ส่วนรูปหล่อรุ่น ๒ ชนิดเล็ก
ศิษย์ก็ดำเนินการเอง เขาชอบรูปหล่อฉีดเขาว่าสวยดี
ส่วนผสมของพระเนื้อดิน จะผสมแร่วิเศษ และผงวิเศษของท่าน
แต่พระเนื้อผงก็ผสมแร่วิเศษ และผงวิเศษเช่นกัน
บางพิมพ์มีเกศาของท่าน, ของครู บาอา จารย์ของท่าน
พระพิมพ์ปรกโพธิ์ ๙ ใบ มีเกศาผู้มีบุญสูงมากผสมอยู่
ส่วนแร่วิเศษนั้น ท่านมาเอาที่ดอนเจดีย์ ๑ แห่ง ท่านมาเอง,
แต่ให้ศิษย์เป็นคนลงไปงมให้ ได้ที่เมืองเก่าสุโขทัย,
ท่านมาเอาแร่ที่เหมืองแม่เแมาะ จ.ลำปาง ๑ แห่ง
ขณะเหมืองปิดแล้ว ท่านได้ ไปพูดกับคนเฝ้าประตูเขาให้เข้าไป จัจจุบันแร่นี้
ยังมีอยู่ในตู้พิพิธภัณฑ์ ๒ ครั้งหลัง ท่านมากับหมอเฉลียว
เดชมา ส่วนผงวิเศษนั้น ท่านทำเอง
โดยใช้ดินสองพองผสมกับเครื่องยาที่ท่านปลูกเอง ปลุกเสกเอง
รดน้ำด้วยอาคม แต่บางอย่างก็หาเอามา เครื่องยาที่ใช้ ทำผงดินสอ
สำหรับทำผงปถมัง มีดอกเสน่ห์จันทร์ทั้ง ๕,
ผักราชพฤกษ์เมล็ดมะกล่ำขาว ท่านปลูกเอง, ดีทั้ง ๕ มีดีงู,
ดีไก่, ดีเต่า ฯ ดีนี้ท่านปลุกเอาไว้ ถ้าบ้านไหนเกิดอาเพศหนัก
ๆ ท่านจะให้เอาไปแขวนไว้ในบ้านจะแก้ได้ ไม้คันทรง
ท่านเอามาตีระฆังก่อน แล้ว
ค่อยป่นผสมทำผงดินสอผสมกับเครื่องยาอีกหลายอย่าง
ผู้เขียนดูไม่ออก ปัจจุบันเครื่องยาและแร่
ผมเก็บรักษาไว้จำนวนหนึ่ง ผสม กับดินสอพอง ซื้อจากสาวพรหมจารี
หลวงพ่อทำผงปถมัง, ผงมหาราช, ผงอิทธิเจ, ผงนะ ๑๐๘ ท่านทำเองหมด
นอกจากผงของ ท่านยังมีผงของครูบาอาจารย์ของท่าน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ พี่ชายหมอเฉลียว เดชมา
มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ได้พักที่ วัดระฆังโฆสิตารามได้พบผงของสมเด็จโตประมาณ
๑ บาตร พระสมเด็จเกือบ ๑๐ องค์ ได้นำผงมาถวายหลวงพ่อพร้อมพระ
สมเด็จ ๒ องค์
หลวงพ่อได้นำผงของสมเด็จโตผสมกับผงของท่านทำพระสมเด็จ
เวลาผสมทำท่านชุมนุมเทวดาเชิญพระอรหันต์
ปรากฏว่าคนมากันเต็มไปหมด พระก็จะทำคนก็จะมามายุ่งไปหมด
ท่านได้พูดว่า "ผงสมเด็จโตนี่ก็สำคญเหมือนกัน ผสมทำพระ
ไม่ได้เลย คนคอยจะมา แต่กูซิชักจะรำคาญแลัวไม่เป็นอันทำอะไรได้เลย"
เมื่อท่านเผลอ หนูก็คอยจะมากินผงท่าน แม้พระ ท่าน หนูก็ แทะกิน
ค้างคาวก็มารุมกิน แม้เป็นสมเด็จแล้วมันก็แทะ ผมมีสมเด็จที่หนูอทะ
ค้างคาวแทะเอาไว้ ๒-๓ องค์ สรุปคือพระ ของท่าน
กันหนูและกันค้างคาวไม่ได้ เมื่อหนูกินผงของท่าน
เด็กวัดเคยเอาเหล็กหมาด (เหล็กแหลม) แทงติดพื้นกระดานเลย
แต่แท่งไม่เข้า นายทีเป็นคนแทง การปลุกเสกพระผง
ท่านจะปลุกเสกด้วยคาถาหลักคือ ปริตมนต์ ปริตนี้เป็น
มนต์ของพระพุทธ เจ้าโดยตรง แก้ โรคระบาดได้ แคล้วคลาดปลอดภัย
กันผีปีศาจได้ แก้อาเพศอาพรรพณ์ได้
นอกนั้นก็ปลุกด้วยมนต์จินดามณีและอื่น ๆ เช่น มนต์แม่ธรณี
มีพระพิมพ์หนึ่งคือ สมเด็จหลังรูปท่าน ทั้ง ๒ รุ่น
ท่านผสมผงผีไว้ด้วย พระ ๒ รุ่นนี้ กำบังดี พระเนื้อดิน ท่านผสม
ทรายเสกทุกรุ่น ทรายนี้ท่นปลุกเสกเอาไว้ กันผีกันวิญญาณได้
แคล้วคลาด พรางตาได้ เป็นกำแพงแก้วได้ มีดหมอ ท่าน บรรจุด้าม
ด้วยผ้าแดงของอาราฬวกยักษ์ แร่อุกกาบาต, แผ่นยันต์, เกศา,
ก้นบุหรี่, ผงฯ ท่านปลุกเสกด้วยอาวุธ ๕ อย่าง มงกุฏพระ
พุทธเจ้าฯ แหวนแขน ท่านลงด้วยอิติปิโส ๘ ทิศ ลงคาถาฆะเตสิปลุกเสกสามารถรัดเตือนภัยได้
ตะกรุด ท่านลงไว้หลายยันต์ ผ้าประเจียด ก็เช่นกันท่านเคยพูดว่า
ปลุกด้วยโองการมหาทหมื่น เหรียญ และรูปหล่อ ปลุกเสกด้วยมงกุฏพระพุทธเจ้า,
นะโม ตาบอด และอื่น ๆ พระเครื่องก็ดี วัตถุมงคลก็ดี
ท่านปลุกเสกเองทั้งหมด ไม่เคยทำพิธีแบบนิมนต์ หลวงพ่อ
หลวงปู่องค์อื่นมาร่วม ปลุกเสก มีมนต์บท
หนึ่งท่านต้องปลุกเสกลงไปทุกครั้ง คือมนต์พระกาฬ มนต์นี้
ใครทำไม่ดี คิดไม่ดีต่อผู้มีวัตถุมงคลของท่าน จะแพ้ภัยตัวเอง
ท่าน จะสั่งศิษย์ใหล้ชิดของท่านไว้เสมอ ว่าอย่าเอาวัตถุมงคล
ของท่านไปทดลองเดี๋ยวจะเข้าตัว เพราะท่าน ลง มนต์พระกาฬเอาไว้
ท่าน สั่งไว้อย่างหนัก เอาเป็นว่าใครเรียน มนต์นี้
จะพูดสิ่งไม่ดีไม่ได้เลย จะถึงกับวิบัติ พลัดพราก ฉิบหาย
ตายโหง ทันตา อีกอย่างหนึ่งเวลาท่านปลุกเสกวัตถุมงคล
ท่านพูดว่าถ้าปลุกไม่ขึ้นท่านจะเรียกวิญญาณผีตายโหงเข้าช่วย
ท่าน พูด กับอาจารย์ศรี นวล สำนักสงฆ์ทับนา อ.หันคา จ.ชัยนาท
คาถาเรียกจิต ผีตายโหงขึ้นต้นด่วย "จิเจรุนิ จิตตัง เจตะสิกังฯ
คล้ายเรียก รัก-ยม " วิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลของท่าน
ท่านจะปลกเสกตามฤกษ์มงคลก่อนแล้วจังปลุกด้วยฤกษ์โจร ฤกษ์บุญ
พญามาร คือ พระท่านนั้น คนดีก็ใช้ โจรก็ใช้
ท่านมีวิธีการปลุกที่ลึกซึ้งมาก ตำราบางเล่มผมเก็บรักษาไว้
ท่านจะปลุก เช้า สาย บ่าย เย็น หัวค่ำ เที่ยงคืน ค่อนสว่าง
ท่านจะปลุกทุกวันเพื่อปัองกันคนซะตาขาดใช้ คือ
จันทร์ถึงอาทิตย์ วันไหนวันอ่อน ยิ่งต้องปลุกเสกให้มาก วิธี
การทำของหรือปลุกเสกของเช้า สาย บ่าย เย็น กลางคือ กลางดึกนี้
ตรงกับไสยดำทุกอย่าง คือท่านกันเอาไว้ เพราะไสย ดำเขา จะทำตอน
๗ เวลานี้ คำพูดของท่านเกี่ยวกับวัตถุมงคล
ท่านเคยพูดถึงสมเด็จหลังรูป ท่านพูดว่า "หลังรูป เก่งดี"
ท่านพูดว่า "ปรกโพธิ์ ร่มเย็น อยู่ไหน ไม่มีใครรังเกียจ"
ท่านพูดว่ามีดหมอถ้าบาดมือ ให้เอาด้ามฝนทำน้ำมนต์ทาจะหาย
สำหรับการ สร้าง และปลุกเสกวัตถุมงคลของท่านเล่าได้ย่อ ๆ
เพียงเท่านี้ ส่วนข้อห้ามในวัตถุมงคลของท่าน ห้ามด่าแม่
ห้ามเด็ดขาด
|