ประวัติหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ผมได้ศึกษาจากอินเทอร์เน็ต
(www.watkositaram.com) ซึ่งก็ต้องขออนุญาตเผยแพร่ ณ ที่นี้
และท่านผู้อ่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมที่เว็บดังกล่าวได้
เมื่อหลวงพ่อออกจากวัดหนองแขมแล้ว ได้ไปจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย
อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ได้มาเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม
วัดหนองโพ ได้เรียนวิชาทำ แหวนแขน, ตะกรุด, มีดหมอ และอื่น ๆ
และได้เรียนวิชารักษาโรคกระดูกหักจากหลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี
จ.อุทัยธานี เข้าใจว่า หลวงพ่อคงจะเรียนวิชากับหลวงพ่อองค์อื่น
ๆ อีก เพราะในตำรารักษาไข้
ยังได้กล่าวถึงครูของท่านองค์หนึ่งคือ หลวงพ่อพวง
วัดหนองกระโดน กับหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ก็เข้าใจว่าชอบพ่อกัน
เพราะหลวงพ่อเคยทำพระพิมพ์ยอดขุนพล แล้วนำเหรียญ
หลวงพ่อกันกดลงไปด้านหลัง
ศิษย์ร่วมรุ่นของหลวงพ่อที่เป็นที่รู้กันคือ หลวงปู่พิมพา
วัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย คือครั้งหนึ่ง พระโชน วัดหัวเด่น
ได้ไปกราบหลวงปู่ หลวงปู่ได้พูดว่าสรรคบุรี
ไม่รู้จักท่านกวยหรือ พระโชนได้พูดว่า เป็นศิษย์ครับ หลวงปู่
หัวเราะชอบใจใหญ่เลย ได้พูดว่า "ท่านกวยเขาใจจริง"
เรียนวิชามาด้วยกัน เขาใจจริง เขาไม่กลัวอะไร จากคำบอกเล่าจากพระภิกษูแบนและและพระหลวงตา
ตลอดจนศิษย์รุ่นเก่าได้พูดตรงกันว่า
หลวงพ่อกวยตอนที่อยู่ที่วัดก็เป็นพระ ที่มีอาคมเหมือนพระทั่ว ๆ
ไป แต่เมื่อท่านกลับมาจากเรียนวิชาจากเมืองเหนือ (หมายถึง
นครสวรรค์) เมื่อท่านกลับมาท่านเก็บตัว พูดน้อย มีจิตมหัศจรรย์
วาจาสิทธิ์ เหนือกว่าพระทั่วไป
เรื่องที่หลวงพ่อไปเรียนวิชามากับหลวงพ่อเดิมนี้
มีหลักฐานคือมีรูปถ่าย ของหลวงพ่อเดิม มีจารด้วยลายมือ
พบในกุฏิของหลวงพ่อ หลักฐานอีกอย่างหนึ่งคือ ลุงลอน
คนสักยันต์แทนหลวงพ่อก็มี มี ๒ รูป สมัยนั้นเดินไป
หลังสงครามหลวงพ่อจะไปเรียนวิชาทำทอง เล่นแร่แปรธาตุ
แต่หลวงพ่อเดิมไม่สอนให้
ในช่วงนี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าหลวงพ่อกลับวัดบ้านแคเมื่อไร
แต่ก่อน พ.ศ. ๒๔๘๔ เมื่อหลวงพ่อกลับมาอยู่วัดบ้านแค หลวงพ่อ
ได้ทำการสักให้ศิษย์ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
ขนาดสักกันทั้งกลางวันกลางคืน ทางเดินสมัยก่อนต้องเดินเท้าเอา
ลำบากมาก อย่างดี ก็ขี่จักรยาน รถ ๒ แถว มีเข้าวัด ๑ คัน ออก ๑
คัน เท่านั้น มีศิษย์สักมาก ได้จดบัญชีไว้ ๔ หมื่น ๔พันคน
แล้วหลวงพ่อก็ไม่ได้จด ชื่อศิษย์อีกเลย ไม่ถามแม้แต่ชื่อ
ศิษย์สักของหลวงพ่อหลายคนยิงไม่ออก เป็นเรื่องแปลกมาก
ที่คนธรรมดาจะยิงไม่ออก ต่อมา หลวงพ่อเห็นว่าสมควรแก่เวลา
หลวงพ่อได้หยุดสัก หลวงพ่อได้พูดกับศิษย์ว่า ถ้าท่านไม่เลิกสัก
หลังคากุฏิท่านสามารถเอาแบงค์ ร้อยมามุ่งหลังคาแทนได้
(สมัยนั้นแบงค์ ๕๐๐ แบงค์๑,๐๐๐ ยังไม่มี)
แล้วหลวงพ่อก็ทำแต่เรื่องรางของขลัง เช่น ตะกรุด, มีดหมอ,
แหวนแขน, พระพิมพ์ ฯ ในสมัยนั้นเมื่อเสือเดินผ่านวัดหลวงพ่อ
ต้องยิงปืนถวายทุกครั้ง ทั้งกลางวัน กลางคืน
ในวันที่ ๑ กันยายน
พ.ศ. ๒๔๙๑ หลวงพ่อได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส
เข้าใจว่าหลวงพ่อคงจะกลับวัดบ้านแคมาก่อนหน้านี้หลายปี
เพระจากคำบอกเล่าของคนเก่าเล่าไว้ว่า ใน สมัยสงครามโลกครั้งที่
๒ พ.ศ. ๒๔๘๔ หลวงพ่อได้มาอยู่ที่วัดบ้านแค แล้วได้นำ
ตะกรุดของครูบาอาจารย์มาแจก เป็นของหลวงพ่อศรี
วัดพระปรางค์ก็มี เป็นของหลวงพ่อเดิมก็มี เป็นงาก็มี
ที่หลวงพ่อทำเองก็มี เพราะมีคนมาขอกันมาก
ตลอดจนสมัยนั้นมีเสือเข้ามาปล้นบ้านกันมากมาย
บ้านเมืองข้าวยากหมากแพง ผู้คนเดือดร้อน บ้างก็เจ็บ ป่วย
ไม่มีหมอ ไม่มียา พระกวยก็ช่วยจนสุดกำลัง คนก็เรียกกันว่า
อาจารย์กวยบ้าง หลวงพ่อกวยบ้าง หลวงพ่อคร่ำเคร่งสักให้
ศิษย์บ้าง แจกเครื่องรางบ้าง พระบ้าง, ตะกรุดบ้าง,
รักษาโรคบ้าง บ้านเมืองก็เกิดข้าวยากหมากแพง
หลวงพ่อจึงตัดสินใจถือ
ธุดงค์วัตรข้อฉันอาการเพยงมื้อเดียวมาตลอด ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๔
เรื่อยมา
|